สินค้าแนะนำประจำเดือน
ประวัติสนุ๊ปปี้
snoopy เกิด วันที่4 ตุลาคม ค.ศ. 1950 snoopy เกิดในทวีปอเมริกา ผู้ที่เขียน snoppy ขึ้นมา คือ Charles Schulz snoopy เป็นสุนัขพันธุ์เล็กขาสั้น ใช้ในการล่าสัตว์ ชอบสอดรู้สอดเห็น ชอบเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม รอบๆ ตัวเค้า snoopy เก่งศิลปะและดนตรี แต่ไม่ค่อยได้ทำ ส่วนมาก snoopy จะหมดเวลาไปกับการ ฝันกลางวันบนหลังคาบ้านสีแดง เล็กๆ เป็นสุนัขของ Charlie Brown มีนิสัยใจคอและชีวิตที่ตรงข้ามกับชาร์ลี บราวน์ สนูปปี้เป็นหมาพันธุ์บีเกิ้ลที่ไม่เคยแคร์สายตาใคร มันมีความเป็นตัวของตัวเองและเชื่อมั่นในตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง และความสุขของมันต้องมาอันดับหนึ่งเสมอ ส่วนจะสร้างความเดือดร้อนให้ใคร สนูปปี้ก้าวสู่โลกการ์ตูนพร้อมๆกับชาร์ลี บราวน์ เดิมสนูปปี้เป็นเพียงหมาเล็กๆธรรมดาๆที่น่ารักตัวหนึ่ง ชูลส์ได้ค่อยๆพัฒนาให้มันเป็นหมาที่ยืนด้วยสองขา มีความคิดฝันที่จะเป็นวีรบุรุษ และรวมทั้งมีความนึกคิดอื่นๆที่เหมือนกับคน…
เจ้าสไปค์—สนูปปี้ตัวจริง เป็นหมาที่ชูลส์เลี้ยงเมื่อเขาเป็นเด็ก เจ้าสไปค์ทำอะไรได้หลายอย่างคล้ายคน เป็นแรงบันดาลใจที่ชูลส์สร้างสนูปปี้ขึ้นมา เริ่มแรกให้ชื่อมันว่า “สนิฟฟี่” แต่ยังไม่ทันเอาออกเผยแพร่ก็ปรากฎว่าชื่อนี้มีคนอื่นใช้แล้ว เขาหวนนึกไปถึงคำพูดของแม่ แม่เคยบอกว่าถ้ามีหมาอีกสักตัวจะให้ชื่อมันว่าสนูปปี้…หลายปีต่อมาเขาจึงได้รู้ว่าครั้งหนึ่งดีสนีย์เองก็เคยคิดจะใช้ชื่อนี้กับหมาดาราการ์ตูน แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจไปใช้ “พลูโต” แทน
สนูปปี้มักจะปรากฏตัวอยู่บนหลังคาบ้านเล็กๆของมันเอง ท่าทางของเจ้าสนูปปี้ที่นั่งพิมพ์ดีด หรือครุ่นคิดเพลงคลาสสิค ภาพเขียนของแวนโก๊ะ และกระทั่งอ่านหนังสือของตอลสตอล หรือ เฮสเส ก่อนมื้ออาหารที่ชาร์ลี บราวน์จะต้องเป็นผู้นำไปให้มันเสมอ...
สำหรับชีวิตในวัยเด็กของสนูปปี้นั้น เกิดในฟาร์มสุนัขเดซี่ ฮิลล์ พ่อของมันเคยออกล่าเหยื่อกับพวกสุนัขล่าเนื้อด้วย มันเคยมีเจ้าของเดิมเป็นเด็กหญิงชื่อ ลิลา เธอต้องนำมันมาคืนที่ฟาร์มเพราะพ่อแม่ของเธอย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนต์ซึ่งไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ แต่จากนั้นไม่นานพ่อแม่ของชาร์ลี บราวน์ก็เลือกสนูปปี้เป็นของปลอบใจให้กับลูกชายของพวกเขา หลังจากที่เขาโดนเด็กคนอื่นแกล้งขว้างทรายใส่หน้า และนอกจากชาร์ลี บราวน์แล้ว สนูปปี้ยังมีเพื่อนสนิทเป็นเจ้านกน้อยสีเหลืองที่ชื่อวู้ดสต็อกอีกตัวด้วย
ส่วนนิสัยส่วนตัว สนูปปี้ชอบกินรูทเบียร์และคุกกี้มาก แต่ไม่ชอบลูกอมรสมะพร้าว สนูปปี้ยังเป็นโรคประหลาดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโรคกลัวที่แคบ และกลัวหยาดน้ำค้างแข็งห้อยอยู่ที่บ้านสุนัขของมัน นอกจากนี้มันยังมีความสามารถพิเศษอันแปลกประหลาด เช่น สามารถเล่นจับฟองสบู่ได้ ได้ยินเสียงคนกำลังกินมาร์ชแมลโลหรือคุกกี้ หรือกระทั่งเสียงปอกเปลือกกล้วย แม้จะอยู่ในระยะไกลก็ตาม
สิ่งที่น่าพิศวงอีกอย่างหนึ่งของสนูปปี้ก็คือ บ้านสุนัขที่ภายในดูจะกว้างใหญ่กว่าภายนอกหลายเท่านัก ซ้ำยังมีอีกหลายห้อง ครั้งหนึ่งชาร์ลีต้องตกตะลึงเมื่อเห็นเพื่อนบ้านทั้งหมดของเขาคลานเข้าไปเยี่ยมชมในบ้านหลังนั้น ทั้งนี้ ภายในบ้านของสนูปปี้ยังตกแต่งด้วยของมีราคามากมาย เช่น ภาพวาดของแวนโกะห์ เครื่องเสียง และยังมีห้องครัวด้วย แต่หลังจากบ้านหลังแรกของมันไฟไหม้ ภาพวาดของแอนดริว ไวแอทก็เข้ามาแทนที่ภาพของแวนโกะห์ นอกจากนี้ ยังมีโต๊ะพูล โทรทัศน์ อย่างไรก็ตาม สนูปปี้ก็ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตในบ้านของมันนัก แต่กลับใช้เวลาส่วนใหญ่นั่ง หรือนอน บนยอดหลังคาบ้านมากกว่า
ความกวนของเจ้าหมาน้อยบีเกิลตัวนี้ครองใจคนมากว่า 55 ปีแล้ว และมีการฉลองครบ 50 ปีของเจ้าสนูปปี้ไปเมื่อปี 2000 โดยมีการออกคอลเลกชันให้นักสะสมต่างวัยได้เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งก็คาดว่าเจ้าสุนัขบีเกิลตัวนี้จะกลายเป็นตัวการ์ตูนอมตะอีกตัวหนึ่ง ไม่แพ้มิกกี้เม้าส์และมินนี่เม้าส์แน่นอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น